ปัจจุบัน ดวงอาทิตย์กำลังมีความเคลื่อนไหวเปลี่ยนแปลงทางพลังงานในระดับสูง โดยส่งผลถึงโลกด้วยพายุสุริยะลูกใหญ่ซึ่งทรงพลังที่สุดในรอบ 20 ปี และยังปะทุโซลาร์แฟลร์ หรือเปลวสุริยะอันร้อนแรง จนส่งผลกระทบแผ่ไปทั่วระบบสุริยะอีกด้วย

เมื่อชาวงเดือนพฤษภาคม 2567 ที่ผ่านมา ผู้ที่อยู่ในภูมิภาคละติจูดสูงของโลก มีโอกาสได้เห็นแสงสีตระการตา ซึ่งมีทั้งแสงสีแดง ชมพู และเขียว ส่องสว่างเรืองรองบนท้องฟ้ายามค่ำคืนอย่างสวยงาม ซึ่งปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นนี้คือ แสงออโรรา (aurora) หรือ “แสงเหนือ-แสงใต้” ที่พบเห็นได้เป็นปกติในในภูมิภาคละติจูดสูงของโลก

แต่แสงออโรราที่เกิดขึ้นในปีนี้กลับทรงพลังเจิดจ้าและสวยงามเพิ่มขึ้นเป็นพิเศษ ผู้คนที่อยู่ในภูมิภาคละติจูดต่ำซึ่งห่างไกลจากขั้วโลกเหนือและขั้วโลกใต้ สามารถสังเกตเห็นได้ด้วยเช่นกัน นับว่าเป็นปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นได้ยาก

มูลเหตุที่อยู่เบื้องหลังการเกิดแสงออโรราอันทรงพลังนี้ ก็คือพายุสุริยะที่พัดกระหน่ำโลกอย่างรุนแรง ทำให้อนุภาคมีประจุไฟฟ้ากลุ่มใหญ่จากดวงอาทิตย์ชนปะทะเข้ากับชั้นบรรยากาศโลก ปลดปล่อยพลังงานออกมาในรูปของแสงออโรรา แต่ในปีนี้ แสงเหนือ (aurora borealis) ปรากฏให้เห็นได้ไกลขึ้นกว่าเดิม เห็นไกลไปจนถึงทางตอนใต้ของเขตอาร์กติก ส่วนแสงใต้ (aurora australis) ก็ปรากฏขึ้นในทางตอนเหนือที่ห่างไกลจากทวีปแอนตาร์กติกามากขึ้นด้วย

สำหรับอนุภาคพลังงานสูงจากดวงอาทิตย์ทำให้เกิดพายุแม่เหล็กโลก (geomagnetic storm) หรือการสั่นไหวของสนามแม่เหล็กที่ห่อหุ้มโลก ในครั้งนี้จัดเป็นพายุในห้วงอวกาศใกล้โลกที่ทรงพลังรุนแรงที่สุดในรอบ 20 ปี ทำให้ผู้คนในบริเวณละติจูดต่ำที่อยู่ห่างไกลจากขั้วโลกเหนือ เช่น กรุงลอนดอนของสหราชอาณาจักร, รัฐโอไฮโอของสหรัฐฯ ก็สามารถชมแสงเหนือด้วยตาตนเองได้อย่างน่าประหลาดใจ


ข้อมูลอ้างอิง : BBC News