บริษัทสเปซเอ็กซ์ (SpaceX) สร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ให้กับวงการอวกาศอีกครั้ง ด้วยการส่งจรวดสตาร์ชิป (Starship) ขึ้นสู่ท้องฟ้าเป็นครั้งที่ 5 เมื่อวันที่ 13 ต.ค. 67 ที่ผ่านมา และครั้งนี้ซูเปอร์เฮฟวี (Super Heavy) ซึ่งเป็นบูสเตอร์ขั้นแรกขนาดยักษ์ (จรวดขับดันขนาดใหญ่) ของ Starship สามารถกลับสู่ฐานปล่อยและลงจอดได้อย่างสมบูรณ์แบบด้วยแขนกลที่คล้ายกับตะเกียบของหอปล่อยเมคคาซิลล่า (Mechazilla) ซึ่งชื่อนี้ได้แรงบันดาลใจมาจาก Mecha ที่ย่อมาจาก Mechanical หมายถึง เครื่องจักรกลหรือหุ่นยนต์ และ Godzilla ชื่อสัตว์ประหลาดขนาดยักษ์ในภาพยนตร์ญี่ปุ่น ซึ่งสะท้อนถึงลักษณะของหอคอยปล่อยจรวดของ SpaceX ที่มีขนาดใหญ่โต และแขนกลที่แข็งแกร่ง คล้ายกับหุ่นยนต์ Godzilla นั่นเอง

การทดสอบครั้งนี้เกิดขึ้น ณ ฐานปล่อยสตาร์เบส (Starbase) ในเซาท์เท็กซัส สหรัฐอเมริกา เมื่อเวลา 8:25 น. ตามเวลาตะวันออก (12:25 GMT) โดย Starship จรวดที่ทรงพลังที่สุดในโลก ทะยานขึ้นฟ้าด้วยความสูงกว่า 400 ฟุต (122 เมตร) ก่อนที่ Super Heavy จะแยกตัวออกและลงจอดอย่างแม่นยำบนฐานปล่อยในเวลาประมาณ 7 นาทีต่อมา

ความสำเร็จของภารกิจ Flight 5 นับเป็นก้าวสำคัญในการพัฒนา Starship ให้เป็นยานอวกาศที่นำกลับมาใช้ใหม่ได้อย่างสมบูรณ์แบบ ซึ่งจะช่วยลดต้นทุนการเดินทางในอวกาศและปูทางสู่การสำรวจอวกาศในอนาคต โดย SpaceX มีเป้าหมายที่จะใช้ Starship ในการส่งมนุษย์ไปยังดวงจันทร์ ดาวอังคาร และภารกิจสำรวจอวกาศอื่นๆ

อีลอน มัสก์ (Elon Musk) ผู้ก่อตั้งบริษัท SpaceX ออกมาแสดงความยินดีกับทีมงานผ่านทาง X (Twitter เดิม) และย้ำถึงวิสัยทัศน์ของเขาในการทำให้มนุษยชาติกลายเป็นสิ่งมีชีวิตที่อาศัยอยู่บนดาวเคราะห์หลายดวง

ทาง SpaceX มีแผนที่จะดำเนินการทดสอบ Starship ต่อไป โดยคาดว่าเที่ยวบินทดสอบครั้งที่ 6 (Flight 6) จะเกิดขึ้นในเร็วๆ นี้ แม้ว่า Starship จะยังอยู่ในขั้นตอนการพัฒนา แต่ความสำเร็จในการทดสอบครั้งล่าสุดนี้ ถือเป็นสัญญาณบวกที่แสดงให้เห็นถึงศักยภาพของ Starship ในการปฏิวัติวงการเดินทางในอวกาศและเปิดประตูสู่ยุคใหม่ของการสำรวจอวกาศ


ข้อมูลอ้างอิง : SpaceX