บนดวงจันทร์มีน้ำอยู่ แต่ส่วนใหญ่เป็นน้ำแข็ง โดยน้ำที่พบบนดวงจันทร์ส่วนใหญ่จะอยู่ในรูปของน้ำแข็งที่ขั้วเหนือและขั้วใต้ โดยเฉพาะในเงามืดที่ไม่เคยได้รับแสงอาทิตย์ นอกจากนี้ ยังมีการค้นพบหลักฐานที่แสดงว่า มีน้ำในรูปของโมเลกุลที่กระจายอยู่ในดินและหินของดวงจันทร์

การค้นพบเหล่านี้มีความสำคัญมาก เนื่องจากสามารถใช้เป็นทรัพยากรสำคัญสำหรับการสำรวจและตั้งฐานบนดวงจันทร์ในอนาคต  นักวิทยาศาสตร์เชื่อว่าน้ำบนดวงจันทร์สามารถใช้สำหรับการดื่ม การผลิตออกซิเจน และการสร้างเชื้อเพลิงสำหรับการเดินทางไปยังห้วงอวกาศลึกต่อไป

การค้นพบและการวิจัยน้ำบนดวงจันทร์เกิดจากหลายภารกิจอวกาศ รวมถึงข้อมูลจาก Lunar Reconnaissance Orbiter (LRO) ของ NASA และภารกิจ Chandrayaan-1 ขององค์การอวกาศอินเดีย (ISRO) ที่ได้ตรวจพบสัญญาณของน้ำบนดวงจันทร์

การค้นพบและหลักฐานทางวิทยาศาสตร์

  1. Chandrayaan-1: ยานสำรวจดวงจันทร์ Chandrayaan-1 ของอินเดีย ซึ่งมีเครื่องมือ Moon Mineralogy Mapper (M3) ของ NASA ได้ค้นพบน้ำในรูปของโมเลกุล H₂O และไฮดรอกซิล (OH) ที่ผิวดินของดวงจันทร์ โดยเฉพาะที่บริเวณขั้วเหนือและขั้วใต้ของดวงจันทร์
  2. LCROSS: ในปี 2009 ยานสำรวจ LCROSS (Lunar Crater Observation and Sensing Satellite) ของ NASA ได้ชนเข้ากับปล่อง Cabeus ใกล้กับขั้วใต้ของดวงจันทร์ การชนครั้งนี้ทำให้เกิดการพุ่งขึ้นของฝุ่นและไอที่ถูกวิเคราะห์และพบว่ามีการปรากฏของน้ำแข็งในปริมาณที่สำคัญ
  3. Lunar Reconnaissance Orbiter (LRO): ยานสำรวจ LRO ของ NASA ได้ทำการสำรวจดวงจันทร์อย่างละเอียด และพบว่ามีน้ำแข็งอยู่ในปล่องภูเขาไฟที่ขั้วใต้และขั้วเหนือ ซึ่งเป็นพื้นที่ที่ไม่ได้รับแสงอาทิตย์โดยตรง ทำให้อุณหภูมิต่ำมากจนสามารถรักษาน้ำแข็งไว้ได้
การค้นพบน้ำบนดวงจันทร์เป็นหนึ่งในความสำเร็จที่สำคัญในวิทยาศาสตร์อวกาศ ในอดีต ดวงจันทร์เคยถูกมองว่าเป็นดินแดนที่แห้งแล้ง ไม่มีน้ำหรือสิ่งมีชีวิต อย่างไรก็ตาม ในปี 2008 และ 2009 การสำรวจดวงจันทร์โดยยานสำรวจ Chandrayaan-1 ของอินเดียและยานสำรวจ LCROSS ของ NASA ได้นำไปสู่การค้นพบที่เปลี่ยนแปลงความเข้าใจของเราเกี่ยวกับดวงจันทร์

การค้นพบและหลักฐานทางวิทยาศาสตร์

  1. Chandrayaan-1: ยานสำรวจดวงจันทร์ Chandrayaan-1 ของอินเดีย ซึ่งมีเครื่องมือ Moon Mineralogy Mapper (M3) ของ NASA ได้ค้นพบน้ำในรูปของโมเลกุล H₂O และไฮดรอกซิล (OH) ที่ผิวดินของดวงจันทร์ โดยเฉพาะที่บริเวณขั้วเหนือและขั้วใต้ของดวงจันทร์
  2. LCROSS: ในปี 2009 ยานสำรวจ LCROSS (Lunar Crater Observation and Sensing Satellite) ของ NASA ได้ชนเข้ากับปล่อง Cabeus ใกล้กับขั้วใต้ของดวงจันทร์ การชนครั้งนี้ทำให้เกิดการพุ่งขึ้นของฝุ่นและไอที่ถูกวิเคราะห์และพบว่ามีการปรากฏของน้ำแข็งในปริมาณที่สำคัญ
  3. Lunar Reconnaissance Orbiter (LRO): ยานสำรวจ LRO ของ NASA ได้ทำการสำรวจดวงจันทร์อย่างละเอียด และพบว่ามีน้ำแข็งอยู่ในปล่องภูเขาไฟที่ขั้วใต้และขั้วเหนือ ซึ่งเป็นพื้นที่ที่ไม่ได้รับแสงอาทิตย์โดยตรง ทำให้อุณหภูมิต่ำมากจนสามารถรักษาน้ำแข็งไว้ได้

รูปแบบของน้ำบนดวงจันทร์

  • น้ำแข็งในปล่องภูเขาไฟ: น้ำแข็งส่วนใหญ่ถูกพบในปล่องภูเขาไฟที่ขั้วเหนือและขั้วใต้ ซึ่งเป็นพื้นที่ที่ไม่เคยได้รับแสงอาทิตย์ อุณหภูมิเย็นมากถึง -250 องศาฟาเรนไฮต์ (-157 องศาเซลเซียส)
  • โมเลกุลของน้ำในดิน: มีการตรวจพบโมเลกุลของน้ำในชั้นดินของดวงจันทร์ในปริมาณเล็กน้อย โดยเฉพาะในช่วงกลางวันของดวงจันทร์

การค้นพบน้ำบนดวงจันทร์เป็นการเปิดประตูสู่โอกาสใหม่ ในการสำรวจและการตั้งถิ่นฐานของมนุษย์ในอวกาศ น้ำเป็นทรัพยากรสำคัญที่จะช่วยให้การสำรวจอวกาศเป็นไปได้อย่างยั่งยืนและสามารถนำไปสู่ความเข้าใจที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้นเกี่ยวกับจักรวาลของเรา


ข้อมูลอ้างอิง: NASA
https://science.nasa.gov/moon/moon-water-and-ices/